กรมควบคุมโรคแนะ อาหารที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเอดส์ ควรเป็นอาหารที่ย่อยง่ายและให้พลังงานสูง ในขณะเดียวกันก็ได้แนะนำอาหารที่ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงด้วย
อาหารสำหรับผู้ป่วยเอดส์ ที่ผู้ป่วยควรรับประทาน ได้แก่
- อาหารที่ย่อยง่าย และให้พลังงานสูง เช่น อาหารจำพวกโปรตีน โดยเฉพาะจากปลา นม ไข่ และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ซึ่งอาหารที่ให้ผู้ป่วยเอดส์ ต้องเป็นอาหารที่มีอุณหภูมิปกติ ไม่ร้อนจัดหรือเย็นจัด ทั้งนี้จะช่วยลดอาการผิดปกติจากการคลื่นไส้ อาเจียน และป้องกันการเจ็บแผลในปาก
- อาหารที่มีวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระสูง เพื่อช่วยในการขจัดสารพิษออกจากร่างกาย เช่น ผักใบเขียว หรือพืชผักที่มีสีเหลือง รวมทั้งผลไม้ ข้าวซ้อมมือ หรือข้าวกล้อง ซึ่งอาหารเหล่านี้จะเป็นอาหารที่มีเส้นใย ช่วยให้ขับถ่ายปกติ ขจัดสารพิษออกจากร่างกาย รวมทั้งอาหารพวกธัญพืช หรือเมล็ดพืช
- อาหารที่จะให้ผู้ป่วยรับประทานต้องเป็นอาหารที่ใหม่ สด เป็นอาหารที่ปรุงสุก และสะอาด เพื่อป้องกันท้องเสีย หรือป้องกันการปวดท้อง รวมทั้งเพื่อป้องกันการติดเชื้ออื่นๆ เพิ่มเติมอันอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคฉวยโอกาสได้
อาหารที่ผู้ป่วยเอดส์ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่
- อาหารหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่นสุรา ไวน์ เบียร์ เนื่องจากเครื่องดื่มเหล่านี้ จะไปทำลายวิตามินบางชนิดและทำให้ร่างกายทรุดโทรม
- ควรงดสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด
- ลดอาหารจำพวกน้ำตาล ของหวานจัด เค็มจัด เปรี้ยวจัด เผ็ดจัด หรือเครื่องปรุงรส ทำให้ท้องเสีย ส่งผลให้เกิดโรคระบบทางเดินอาหาร ระบบประสาท และระบบทางเดินปัสสาวะ
- งดอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส เช่น น้ำอัดลม อาหารหมักดอง จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อ
- ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงจากเนื้อสัตว์ดิบ ๆ เช่น อาหารทะเล ปลาร้า ไข่ลวก ปลาดิบ เพราะจะทำให้ท้องเสีย ผู้ป่วยเอดส์จะต้องเอาใจใส่เกี่ยวกับเรื่องอาหารนี้มากๆ
อย่างไรก็ตามอาหารมีความสำคัญมากต่ออาการของโรค ควรทำให้เกิดความชิน ยกตัวอย่างเช่น หุงข้าวกล้องกินเอง ทั้งสามมื้อ เลือกกินอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์และผักปนๆกันทั้งสามมื้อ กินผลไม้คละกันให้ได้วันละ 4 ขีด ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 1.5 ลิตรต่อวัน (ถ้าเป็นน้ำที่ไม่แช่เย็นก็ยิ่งดี) ทั้งนี้ อาหารเสริมที่ง่ายและดีที่สุด คือ ดื่มนมและน้ำนมถั่วหลืองวันละ 1 กล่องต่อวัน ของว่างควรเป็นถั่วเปลือกแข็ง ควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรหักโหม ไม่เครียด พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอเท่านี้ก็จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติและหลีกเลี่ยงต่อโรคฉวยโอกาสที่จะเข้าสู่ร่างกายได้แล้ว